ประการแรก เราต้องมีฐานข้อมูลที่ถูกในความคิดและจิตใจของเราก่อน เหมือนคอมพิวเตอร์ที่มี โปรแกรมหลักเพื่อปฎิบัติการ และโปรแกรมป้องกัน เพื่อการละเมิดลิขสิทธิ์และไวรัส เมื่อไหร่ เราใส่โปรแกรมผีที่มักซ่อนสปายแวร์หรือไวรัสเข้าไป มันจะฟ้อง ป้องกัน และไม่ยอมรับโปรแกรมเหล่านี้ ให้เข้าไปทำงานในคอมพิวเตอร์ของเราได้ แล้วโปรแกรมหลักและโปรแกรมป้องกันนี้คืออะไรล่ะ
“สภษ12:8 คนจะได้คำชมเชยตามสามัญสำนึกที่ดีของเขา แต่คนที่ความคิดตลบตะแลงก็เป็นที่ดูหมิ่น”
พระวจนะตอนนี้สอนเราว่า สามัญสำนีกที่ดีนำสู่การประพฤติที่ดี แล้วหากประพฤติดี ก็จะมีผู้ชมเชย จากผลการประพฤตินั้น การประพฤติที่ดีเกิดจากสามัญสำนึกที่ดีในชีวิต เราจะสร้างสามัญสำนึกที่ดีได้อย่างไรล่ะ มีสามทางครับ มีวิธีสร้างง่าย ๆ คือ เราต้องมีความคิดสว่าง คิดสะอาด คิดสงบ
คิดสว่าง คือ สิ่งที่ท่านคิดนั้น เมื่อท่านนำความนั้นเอามาเล่าในความสว่างใครก็รับได้ สามารถเอามาพูดแล้วคนไม่สะดุด ไม่ตกใจ ไม่อับอาย ไม่ผิดต่อคุณความดี คุณธรรม ความสว่างคือความดี ความมืดคือความชั่ว สิ่งใดที่แอบทำใคความมืด แอบคิดในความืด หลบ ๆ ซ่อน ๆ ไม่ถือว่าคิดแบบคนมีความสว่างคับ
คิดสะอาด คือ คิดเรื่องสะอาดไม่สกปรก ลามก ไม่ผิดศิลธรรม หรือกฎหมาย คิดแล้วไม่ต้องมาสารภาพบาป หรือละอายใจทีหลัง เล่าให้ใครฟัง ก็ไม่ต้องกลัวว่าผู้คนจะดูถูกดูหมิ่นในความนี้
คิดสงบ คือ เรื่องที่คิดแล้วหากใครได้ยิน ใครรับฟังความคิดของเราแล้วก็เกิดความสงบ ไม่เดือดร้อนเป็นไฟให้เกิดความวุ่นวาย และที่สำคัญตัวเราคิดแล้ว เราก็เกิดความสงบสุขในใจ เล่าเรื่องนี้แล้ว ทุกคนสบายใจ สงบสุข แบบนี้ต้องหาทาง และฝึกเรียนรู้ครับ
เห็นหรือยังครับ หากเรามีมาตฐานทางความคิดแล้วอะไรที่กำลังคิดมันไม่สว่างไม่สะอาด ไม่สงบ เราก็ไม่คิด เราก็มีมาตฐานเดียว ในการคิดก็จะง่ายต่อการตัดสินใจ ละเลือกที่จะทิ้งหลายต่อหลายเรื่องที่มันแวะมาเยี่ยมในสมองของเรา ครับ จำไว้ อย่ารับแขกแปลกหน้าที่ไม่ได้เชิญ ที่ไม่สว่าง ไม่สะอาด ไม่สงบเลย